
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดทำให้หลายประเทศนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยในการตรวจตราพฤติกรรมของประชากร โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างระหว่างกัน และการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
เริ่มต้นตั้งแต่การระบาดในระยะแรกๆที่มีการปิดเมืองอู่ฮั่น ของจีน ก็มีการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ติดกล้องและลำโพง มาคอยบินสำรวจและแจ้งเตือนผู้คนไม่ให้ออกจากบ้านมาจับกลุ่มรวมกัน ซึ่งเมื่อโดรนบินไปพบว่ามีการรวมกลุ่มของผู้คน ก็จะทำการแจ้งเตือนผ่านลำโพง หากพลเมืองยังไม่ยอมสลายตัวกลับบ้าน ก็จะมีการแจ้งพิกัดพร้อมภาพไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาจัดการทันที

ล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์ ได้นำหุ่นยนต์สุนัขที่ชื่อว่า Spot ซึ่งพัฒนาโดย Boston Dynamics บริษัทด้านวิศวกรรมและการออกแบบหุ่นยนต์จากสหรัฐ มาออกตรวจตราในสวนสาธารณะ และแจ้งเตือนพลเมืองให้เว้นระยะห่างระหว่างกัน
รัฐบาลสิงคโปร์ได้เริ่มใช้หุ่นยนต์ตัวนี้เมื่อวันที่ 8 พ.ค.63 โดยหน้าที่ของมันคือเดินลาดตระเวนในช่วงที่มีผู้ใช้บริการสวนสาธารณะหนาแน่น เป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรพร้อมกับแจ้งเตือนด้วยคำพูดที่บันทึกไว้ให้ประชาชนเว้นระยะห่างระหว่างกัน นอกจากนี้กล้องที่ติดตั้งอยู่บนตัวหุ่นยนต์จะคอยคำนวณปริมาณประชาชนที่อยู่ในบริเวณสวนสาธารณะในขณะนั้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามรัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันว่า กล้องดังกล่าวไม่ได้มีการบันทึกภาพของบุคคลและไม่มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประชาชนเป็นรายบุคคลแต่อย่างใด
สำหรับ Spot เป็นหุ่นยนต์ที่มี 4 ขา รูปร่างคล้ายสุนัข ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ในการสอดส่องความปลอดภัยภายในพื้นที่ต่างๆ โดยมีการติดตั้งเซ็นเซอร์หลายรูปแบบ สามารถเดินไปตามพื้นที่ต่างๆและหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เองโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีการนำแขนกลเข้ามาติดที่ด้านหลังของหุ่นทำให้มันสามารถเปิดประตูเข้า-ออกได้เอง รวมทั้งหยิบจับสิ่งของต่างๆได้อีกด้วย Spot ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในงานได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่การส่งสิ่งของ, การลาดตระเวนในพื้นที่ต่างๆ, การเข้าตรวจสอบในพื้นที่อันตรายที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าไปได้ รวมทั้งยังมีการนำมาใช้เป็น Telemedicine หรือ ระบบแพทย์ทางไกล ด้วยการติดตั้งจอภาพและอุปกรณ์สื่อสารที่ทำให้ผู้ป่วยสามารถสื่อสารกับแพทย์ได้โดยไม่ต้องพบหน้ากันในช่วงโควิด เพื่อลดการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย