
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเมินว่าหลังจบการระบาดของสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลให้ระบบซัพพลายเชนโลกเปลี่ยนไป เนื่องจากการระบาดทำให้สินค้าหลายกลุ่มขาดแคลน เพราะต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากจีน
– การเปลี่ยนแปลงของระบบซัพพลายเชนโลกจะกระทบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมโออีเอ็มที่ผลิตสินค้าให้แบรนด์เนมจะมีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัว
– สหรัฐและยุโรปวางแผนที่จะย้ายฐานผลิตจากจีนไปประเทศอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง
– ส.อ.ท. มองว่า การที่ สหรัฐและสหภาพยุโรป เตรียมกระจายฐานการผลิตไปประเทศอื่น เป็นโอกาสดีของไทยที่ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์
– สถานการณ์โควิดทำให้อุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล อุปกรณ์อัจฉริยะ อุปกรณ์ไอโอที และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับ 5จี จะขยายตัวได้เร็ว เนื่องจากพฤติกรรมของผู้คนที่อยู่บ้านมากขึ้นและใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานและดำรงชีวิต
– คุณมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยว่า การจัดระบบโรงงานเพื่อป้องกันโรคระบาดเป็นโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการ ซึ่งไม่ใช่แค่ป้องกันโควิด แต่ยังต้องป้องกันภัยจากโรคระบาดอื่นๆในอนาคต
– หัวใจสำคัญคือ การนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อลดความแออัด และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดต้นทุน การดำเนินงานระยะยาว ซึ่งตอบโจทย์การผลิตได้ดีกว่า รวมทั้งช่วยยกระดับสู่อุตสาหกรรม 4.0
– ภาคอุตสาหกรรมจะปรับเวลาพักเที่ยง ที่อาจมีหลายรอบ ลดความแออัดห้องอาหาร ขณะที่การขนส่งคนงานมาทำงานและกลับที่พัก ที่ต้องมีระยะห่างในรถโดยสาร มาตรการสุขอนามัยเข้มข้น
– คุณปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภาคการผลิตใช้เทคโนโลยี เอไอและไอโอทีมากขึ้น เพื่อเพิ่มความเร็วให้การผลิต รวมถึงกระบวนการตรวจสอบ ข้อบกพร่อง (Defect) ที่เดิมใช้ความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ แต่ปัจจุบันสามารถนำเอไอมาวิเคราะห์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเพื่อหาจุดบกพร่องของ ชิ้นส่วนต่างๆ